วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

The Beaver ชีวิตที่แสนเศร้า


  ต้องเล่าก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในสมองเลยในระหว่างที่เดินหาหนังดูในร้านเช่าแล้วเพราะมันไม่รู้จะดูหนังอะไรแล้ว ก็เหลือบไปเห็นหนังเรื่องนี้ The Beaver แล้วก็ฉุกคิดได้ว่าเห้ยเรื่องนี้มีรุ่นน้องคนนึงเคยมาถามว่ามีหนังเรื่องนี้มั้ยนู๋อยากดูมากมีคนแนะนำมาเราก็เออไหนไหนก็ไม่มีไรดูแระเลยเช่าซะเลยพอดูจบแล้วก็ได้แต่ร้องในใจว่า ว้าว ว้าว ว้าว พอไปดูเรทติ้งในเวป imbd กะ rotten tomatoes ปรากฏว่าเรทติ้งออกกลางๆทั้ง2เวปเลย ก็ถือว่าดีนะเพราะมันกลางๆไปทางดี The Beaver เป็นหนังที่เริ่มมาก็เกริ่นถึงตัวเอก Walter (Mel Gibson) ซึ่งเป็นคนเป็นโรคซึมเศร้าวันๆไม่ทำอะไรนอกจากนอนๆ นั่งๆ เหม่อลอยจนงานการล้มเหลว จนเมีย Meredith (Jodie Foster) ต้องไล่เขาออกจากบ้านเพราะไม่อยากให้ลูกๆทั้ง 2คน  คนโต Porter (Anton Yelchin) และคนเล็ก Henry (Riley Thomas Stewart) ต้องมาเห็นสภาพ Walter แบบนี้พอ Walter ออกจากบ้านเขาก็เข้ามินิมาร์ทซื้อเหล้าและก็ทิ้งข้าวของทุกอย่างแต่เขาก็เดินกลับมาแล้วก็หยิบตุ๊กตาหุ่นมือบีเว่อร์ขึ้นมาจากถังขยะและไปเช่าห้องเมื่อความสิ้นหวังมันประดาประโคมเข้ามาเขาก็กินเหล้าและจะฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่ก่อนที่เขาจะสลบไปเขาได้หยิบตุ๊กตาหุ่นมือบีเวอร์มาใส่พอเขาฝื้นขึ้นมาเขาก็เลือกให้ตุ๊กตาพูดแทนเขา ซึ่งทุกๆอย่างราบรื่นเขาเข้ากับลูกคนเล็กได้ เมียกลับมายิ้มและกอดเขาอีกครั้ง การงานราบรื่นแต่เขากับยิ่งถลำลึกลงลึกลงเรื่อยๆ (เหตุการณ์เป็นยังไงต่อไปติดตามเอานะจ้ะ) ออ จะลืมเล่าตัวละครตัวโปรดของผมอีกตัวนึงไปไม่ได้เลยนั้นก็คือ Norah (Jennifer Lawrence) ซึ่งตอนดูทีแรกจำหน้าเธอไม่ได้เลยซํกนิดแค่คิดว่าเห้ยน่ารักว่ะแสรดแต่พอดูไปเรื่อยๆเห้ยหน้ามันคุ้นๆแหะจนนึกออกว่า อ๋ออออ sheเล่น Hunger Game นะเองว้าววว ซึ่งตัวละคร Norah นี่ก็เธอเป็นตัวละครที่พลิกชีวิตของ Porter เหมือนกันถือว่ามีความสำคัญต่อเรื่องไม่น้อย ว้าว อยากจะพิมพ์ว่า ว้าวไปเรื่อยๆจริงๆเพราะชอบหนังเรื่องนี้มากกกก เพราะว่าคนกำกับหนังเรื่องนี้ก็คือ  Jodie Foster ซึ่งตัวเธอนั้นก็รับบทเป็น Meredith เมียของ Walter นั้นเอง เหยดดดดดด และจากที่ผมไปสืบๆ มานี่ไม่ใช่เรื่องแรกที่เธอกำกับยังมีหนังอีก2เรื่องและซีรี่ย์อีก แต่อีก2เรื่องข้างต้นนี่ผมก็ยังไม่ได้ดูเลยบอกไม่ได้ว่าเป็นยังไง แต่สำหรับเรื่องนี้กระแทกใจเต็มๆ หนังเนื้อเรื่องบอกถึงการต่อสู้กับจิตใจตัวเองและการให้กำลังใจเป็นห่วงเป็นใยสายสัมพันธ์ในครอบครัว อ่าส์นำตาจะไหล ถ้าให้คะแนนนี่เต็ม10ให้10เลย โดนโคตรๆ


วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

Cashback อดนอนจนได้เมีย !!



  เรื่อง Cashback เนี้ยผมเคยเห็นมันมีคนปล่อยในเวปบิททอเร้นต่างๆ มาอย่างนานมากกกก็คือเห็นแต่ก็ไม่ได้ไปสนใจไรมันมากก็แค่เออเนื้อหามันล่อแหลมดีนะ รูปโปสเตอร์เอยยคำเชิญชวนของคนที่ปล่อยให้โหลดเอยไรเอยแล้วก็ลืมมันไปเป็นปีๆ พอมาไม่นานนี่คือหนังใหม่ๆเราก็ดูจนหมดแระก็ไป searchๆ หาปรากฎ บร๊ะเจ้าอีหนังเรื่องนี่มันก็ยังมีคนปล่อยโหลดอยู่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนปล่อยโหลดอยู่มาอย่างยาวนานขนาดนี่ถ้ามันไม่มีดีในตัวเองนี่มันคงไม่ได้อยู่มานานขนาดนี่แน่ๆอันตัวกระผมก็เลยจัดการส่อยมาดูซะเลยตอนส่อยมาดูเนี้ยก็ใช่ว่าจะดูเลยในทันที มันมีจังหวะเพื่อนผมมันมาบ้านพอดีแล้วว่างก็เลยทำการเปิดหนังดูน้านแระคือจุดเริ่มต้น 555+ (แพ่มซะยาว) คือเปิดตัวเรื่องมาเนี้ยพระเอกมันก็เล่าให้ฟังก่อนเลยว่าตัวมันเลิกกะแฟน ซึ่งพระเอกก็คือ Sean Biggerstaff (รับบทในหนังชื่อ Ben) ซึ่งเนี้ยแระพอเลิกกะแฟนปุ๊ป แฟนพระเอกคือ Michelle Ryan (รับบทเป็น Suzy) ก็เกิดอาการนอนไม่หลับอย่างรุนแรงคือแม่งทำไมถึงต้องใช้คำว่ารุนแรงเพราะแม่งไม่หลับเป็นอาทิตย์ๆๆ *0*  อันตัวเบน เนี้ยเป็นนักเรียนศิลปะ และ เป็นโรคนอนไม่หลับหลังจากโรคกะแฟนคนแรกซูซี่ เมื่ออาการนอนไม่หลับเริ่มยาวนานขึ้นเบนก็เริ่มคิดว่าเอะทำไมเราถึงไม่ใช้ประโยชน์ของการนอนไม่หลับโดยไปสมัครงานกะดึกที่ Super Market แห่งนึง ซึ่งเนี้ยแระทำให้วันคืนอันแสนยาวนานผ่านพ้นไปเพื่อให้ลืมและยังสามารถได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมาเป็นเงินเรื่องราววุ่นๆจึงเกิดขึ้นเมื่อเขาได้พบกับตัวละครที่มีสีสันอย่างมากมาย โดยครั้งนี้เขาเองมี “ศิลปะ” เป็นเครื่องมือในการรับมือกับความเบื่อหน่ายจากงานกะ 8 ชั่วโมง ซึ่ง “ศิลปะ” ของ เบ็น คือ เขาจินตนาการว่าตนเองสามารถหยุดเวลาได้  และด้วยวิธีการดังกล่าวเขาสามารถชื่นชมกับความงามทางศิลปะและผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกที่เวลาหยุดหมุนโดยการเลือกผู้หญิงที่มีสรีระอันสวยงามเพื่อนำมาถอดเสื้อผ้าแล้วจัดการวาดภาพตามที่เขาถนัดนอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดโดยเฉพาะ ชารอน(Emilia Fox) สาวน้อยที่มีหน้าที่แพ็คของ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งพอผมดูหนังเรื่องนี่จบเนี้ยปรากฎว่า ว้าวววว แอบร้องว้าวในใจหลายฉากมาก เพราะเรื่องนี้มุมกล้องโดนๆเท่ห์ๆเอาง่ายๆมีอยู่ฉากนึงพระเอกมันโทรศัพท์หาแฟนมันซูซี่เพื่อจะขอกลับไปคืนดีแต่ก็โดนปฎิเสธยับเยืนภาพมันก็ค่อยๆเลื่อนฉากทั้งทั้งที่พระเอกแม่งตัวเป็นแท่งๆอยู่ยังงั้นนะเลือนไปจนถึงที่นอนแล้วจากฉากยืนของพระเอกก็กลายเป็นฉากนอนบนเตียงซะงั้น เท่ห์ฟรัดๆ และก็จะบอกว่าผู้หญิงที่ยืนกึ่งเปลือยอยู่บน poster เนี้ยบทเธอโผล่มาแค่นั้นแระ 555+ ทำมาเพื่อโปรโมทโดยแท้ โดยรวมแล้วหนังเรื่องเนี้ย ดูเพลินครับทั้งฉาก service ต่างๆ (นมโผล่เยอะ 555) มุมกล้องเท่ห์ๆ เนื้อเรื่องไหลลื่นบวกความฮาของ 3 ตัวละครที่อยู่ในซุปเปอร์ คือ Jenkins (Stuart Goodwin) เจ้าของซุปเปอร์มาเก็ต และก็2พนักงานในซุปเปอร์แสนกวนทีน 1.Barry Brickman (Michael Dixon) 2.Matt Stephens (Michael Lambourne) ถ้าขาด 2 คนนี่ไปนี่เรื่องราวคงไม่ฮาขนาดเนี้ย ออแล้วเรื่องเนี้ยเคยได้ฉายในเทศกาลหนังนานาชาติกรุงเทพฯ ปี2007 อีกด้วย :)


วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Tucker & Dale VS. Evil เรื่องราวแห่งการผลิกผันแระบังเอิญ


   คือเรื่องเนี้ยผมได้ไปเห็น poster ในเฟซบุ๊คแล้วแบบเห้ยหนังเรื่องนี้ยังไงก็หนังสยองขวัญชัดช๊าดดดดมันทำให้ผมอยากดูมากๆ ง่ายๆดู poster ซิครับเลือดสาดเต็มตัวแถมลากขาคน ผมก็เลยไปดู trailer เลยว่าหนังเรื่องนี่มันเป็นยังไง ดูไปเผินๆนิดหน่อยมันเหมือนหนังฆาตรกรโรคจิตทั่วๆไป ผมก็เลยไปอ่านพรีวิวของหนังเรื่องนี้เพิ่มพบว่าหนังเรื่องนี้น่าสนใจครับมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด 555+ แล้วบังเอิญ truevisions ที่รักอีกแล้วครับเอาเรื่องนี้มาฉาย เริ่มเรื่องมาตามสไตล์หนังฆาตรกรรมแบบจงใจมากๆๆ 555+ มีตัวละครและฉากที่เห็นในหนังฆาตรกรรมทั่วไปคือ ฉากเป็นแบบออกไปทางบ้านนอกของอเมริกา มีสาวบลอนด์นมโต มีผู้ชายที่ดูพึงพาได้ เป็นต้น เนื้อเรื่องเริ่มมาก็ใช่เลยครับแก็งเด็กมหาลัยรวมตัวกันมาเที่ยว ระหว่างเดินทางก็แวะซื้อของที่ร้านนึงบรรยากาศสไตล์บ้านนอกๆหน่อย ซึ่งตอนซื้อเนี้ยแระ ก็มีชายบ้านนอก2คนไปแวะซื้อของเช่นกันนั้นก็คือ tucker(นำแสดงโดย Alan Tudyk) และก็ dale(นำแสดงโดย Tyler Labine) ซึ่งแต่งตัวเหมือนพวกกุ๋ยมากๆ 555+ ด้วยความที่ dale เนี้ยไม่ค่อยได้คุยกะผู้หญิงแล้วพอมาได้เห็นพวกกลุ่มมหาลัย ก็เลยอยากจะเข้ามาคุยแต่ดันถือใบพัดเรือ แล้วเขาไปคุยแล้วดันหัวเราะแบบแปลกๆซะงั้นเวลาคุย555+ ทำให้พวกเด็กมหาลัยเข้าใจผิดแล้วก็ขับรถแยกออกไปตั้งแคมป์ ส่วนทั้ง2คนก็ได้ซื้อบ้านพักตากอากาศไว้ในป่าเหมือนกันซึ่งสภาพบ้านสุดๆ แล้วเรื่องก็ตัดฉากมาที่กลุ่มเด็กมหาลัยกำลังคุยกันเรื่องฆาตรรกรโรคจิตฆ่าคนเหมาะเอามาเล่าจริงๆ 55 ซักพักก็มีคนในกลุ่มมาชวนไปเล่นน้ำ ซึ่งนางเอก(Allison)ยังไม่ตามไปเล่นตั้งกะทีแรก(แสดงโดยKatrina Bowden)  ซึ่งก็มีคนในก๊วนชื่อ Chad (นำแสดงโดยJesse Moss)มาประมาณแบบเกาะแกะลวนลาม(ซึ่งหมอนี่เป็นตัวปั่นประสาทด้วย555+) อัลลี่หรือก็คือนางเอกก็เลยแอบหนีไปกระโดดน้ำ ซึ่งประจวบเหมาะกะtucker กับ dale มาตกปลาพอดี ก็เลยแอบดู อัลลี่ถอดชุดแต่เผอิญอัลลี่แอบไปเหลือบเห็นเลยตกใจพลัดตกน้ำหัวกระแทก tucker กับ daleเห็นก็เลยรีบพายเรือเข้าไปช่วย แต่ด้วยเสียงกรี๊ดตอนอัลลี่พลัดตกน้ำ ทำให้พวกเพื่อนในกลุ่มมาเห็นตอนทัคกับเดลลากอัลลี่ขึ้นน้ำพวกเพื่อนก็ตีความไปว่าทักกับเดลจับตัวอัลลี่ไป 555 ไปกันใหญ่เรื่องทั้งหมดก็เริ่มต่อจากเนี้ยแระ ผมจะไม่ขอเจาะรายละเอียดนะว่ามันตายยังไง แต่แบบตายฮาอ่ะ 555 พลิกมากๆ คือมันเป็นหนังฆาตรกรรมแต่ไม่ได้เป็นหนังฆาตรกรรมอย่างที่คิด แถมจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งอีกตะหาก คือหนังเรื่องเนี้ยไม่เข้าโรงในไทยนะครับผมก็ไม่รู้ว่าทำไมเพราะ final destnation ได้เขาและภาพเวลาเลือดสาดเวลาตายก็โหดพอๆกัน เผลอๆ final โหดกว่าด้วย แต่หนังดีมากครับสนุกมากตายได้พลิกพันสุดๆๆ 555ชอบครับ เต็ม10นี่ให้8ให้9เลย โดนใจอย่างสุดๆ





วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Frozen แค่ชื่อก็เย็นเจี๊ยบบบ


    สำหรับเรื่อง Frozen เนี้ยผมเคยดูตัวอย่างหนังในช่องฟรีทีวีช่องไหนผมจำไม่ได้แระแต่ดูตัวอย่างหนังเรื่องนี้มานานมากกกก ก็ไม่ได้ดึงดูดผมมากมายหรอกครับรู้สึกเฉยๆด้วยซ้ำ แต่เมื่อวานซืนด้วยความเบื่อครับผมก็เลยออกไปเช่าหนังก็เดินดูเรื่อยๆเปื่อยๆไปครับต้องบอกว่าร้านที่ผมเช่าหนังประจำเนี้ยคือเขาให้เช่า2แผ่นแถม1แผ่น ก็ไปได้หนังเรื่อง Largo Winch ภาค1ภาค2 แล้วแผ่นแถมอีก1แผ่นเนี้ยผมเดินวนอยุ่ในร้านนานมาก เพราะหนังใหม่ๆเนี้ยเราก็ดูหมดแระ ก็เหลือบไปมองตรงโซนสยองขวัญ เน้นนะครับสยองขวัญ 5555+  ก็ไปเจอเรื่องนี้ครับแล้วก็ความทรงจำก็แว๊ปปปเข้ามาเลยครับว่าเออเห้ยเรื่องนี้เราเคยดูตัวอย่างหนังนิหว่าก็เลยหยิบเลยครับเพราะไม่รู้จะดูไรแล้วแล้วไอหนังเรื่องเนี้ยผมก็ดูหลังสุดเลย เพราะเรื่องเนี้ยถือว่าหยิบส่งๆไปจริงๆ ก็เลยได้มานอนดูวันนี้ครับพอหนังเริ่มก็อ้ะ คุ้นหน้านักแสดงคนนึงในเรื่องก็คือ Shawn Ashmore ที่เล่น X-mens ภาคต่างๆและซีรี่ย์ Super Man Smallville ในเรื่องเล่นเป็น Joe Lynch 1ในตัวละครของเรื่องนี้ครับซึ่งเรื่องเนี้ยตัวละครหลักมีแค่3คนครับก็ คือ Joe ที่ได้กล่าวไปข้างต้น 2. Kevin Zegers (เล่นเป็น Dan Walker) 3. Emma Bell (เล่นเป็น Parker O'neil) ซึ่งก็เนื้อเรื่องเรื่องเนี้ยถือว่าใช่ฉากไม่ค่อยเยอะครับ แค่ฉากบนกระเช้า กับฉากบนพื้นหิมะ แต่ก็ยังมีบรรยากาศยามเช้ายามกลางคืนมาเสริม เนื้อเรื่องเดาไม่ยากครับเห็๋นแค่ poster ก็เดาได้แล้วครับว่าแม่งต้องติดอยู่บนกระเช้าแน่นอน 5555+ แต่พูดจริงๆว่าหนังเรื่องเนี้ยบางฉากก็ดำเนินเรื่องได้น่าติดตามที่ผมเช่ามามันเป็นVcdแผ่นแรกเนี้ยผมดูแล้วรู้สึกว่าเห้ยลื่นไหลมากแปร๊บบบเดียวหมดแจ่มครับ พอมาแผ่น2เริ่มเนือยครับเพราะ มันเริ่มปรับทุกข์กันแระ 555+ หนังเรื่องนี่เหตุการณ์มันก็คือ เจ้า3คนเนี้ยมันยังเล่นสกีไม่จุใจมันก็เลยจะไปขอขึ้นเล่นอีกรอบซึ่งไอคนคุมกระเช้าก็ได้เตือนว่าเออมันมีพายุนะ แต่3คนเนี้ยก็เกรี้ยกล่อมจนได้ขึ้นไป พอขึ้นไปไอคนคุมกระเช้าก็ถูกเพื่อนมาตามให้ไปพบหัวหน้าซึ่งไอคนคุมคนเก่าก็ได้ย่ำกับไอคนคุมคนใหม่ให้ดูว่าถ้ามีคน3คนสกีลงมาจุดสุดเขาแล้วก็ค่อยปิดเครื่อง แต่เผอิญ!!! ดันมีคนไถลสกีลงมา3คน พอดีเป๊ะเท่าจำนวนที่ไอคนคุมคนเก่าบอกแม่งก็ชักคันโยกสวิทต์ลงแบบไม่ต้องคิดมากเลย ส่วนเรื่องราวไปติดตามดูเอาเองครับเพราะถ้าเล่าไปนี่มันจะไม่ได้ลุ้นเลยแม้แต่นิด 55 แต่ต้องบอกครับว่าหนังเรื่องนี้อยู่ในหมวดสยองขวัญแต่ไม่มีฆาตรกรใส่หน้ากากมาไล่ฆ่า ไม่มีผีโผล่ออกมาซักตัว แต่เล่นกับความกลัวของคน ธรรมชาติ และสิ่งที่ไม่คาดคิด *0* หนังเรื่องนี้กำกับและเขียนบทโดย Adam Green และ ได้ทีมงานที่ทำเรื่อง Saw ทั้ง 6 ภาคเพราะฉะนั้นก็ถือว่าดูได้ไหลลื่นดีครับ สำหรับหนังเรื่องนี้เต็ม10 ให้ 6 ครับ คือหนังเรื่องนี้เห็นก็เดาทางได้เลยครับว่าจะมายังไง แถมยังจบ ได้แบบ โอ้ววว คิดได้แค่นี้หร๊าาา 555 + แต่ถ้าไม่คิดมากก็ดูสนุกดีครับ :)

วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2554

nowhere boy rock n' roll สไตล์ เลนนอน

 
   โอ้วว้าวว หนังเรื่องนี้ดูแล้วแอบสะเทือน hearth อย่างแรงนะครับเพราะดูหนังเรื่องนี้ทำให้ผมรู้เลยว่าทำไมจอห์น เลนนอนถึงได้เป็น จอห์น เลนนอน อย่างที่เราเห็นๆกัน ผมได้รู้จักหนังเรื่องนี้จาก นิตรยสาร bioscope ครับพอได้อ่านคอลัมน์ เรื่อง nowhere boy ชิ้นส่วนที่ขาดหายของ จอห์น เลนนอน ก็รู้สึกกระตุ้นให้ผมอยากหาหนังเรื่องนี้มาดูอย่างแรงงงงง แต่พออ่านเสร็จปุ๊ปผมก็เอาไป search google อย่างไวเลยแต่ๆๆๆๆๆ ดันไม่เข้าฉายในไทย - -" แถมไม่มีขายด้วยยยย ขนาดแผ่นผียังไม่ซับไทยเลยช่างน่าเศร้ายิ่งนักแล้วผมก็ลืมเรื่องนี้ไม่ได้ติดตามเลยครับ พอเวลาผ่านไปเป็นปีปีนะครับ ผมเปิดทีวีแล้วกดช่องไปเรื่อยๆด้วยความเบื่อแล้วก็ ป๊ะ เข้าให้กับช่อง starmovie เอะตัวละครนี่ช่างคุ้นตายิ่งนัก Aaron Johnson (จากเรื่องKick-Ass) เดินๆอยู่บนถนน โอ้ววววววไม่จริงใช่มั้ยเนี้ยย Nowhere Boy ครับแถมซับไทยอีกตะหากหลังจากที่พยายามหาดูมาอย่างยาวนาน truevisions ก็เอามาฉายให้ดูครับ เป็นปลื้มโคตรๆๆแล้วผมก็ตั้งตารอเลยครับsearch เลยว่ามันมีวันไหนมั้ง เนื่องจากวันที่บังเอิญเปิดเจอนี่ปาเข้าไปครึ่งเรื่องแล้วมั้ง(แอบเดาอิอิ) ก็จนแล้วจนรอดก็ได้มาดูเอาวันเนี้ยแระครับ ว้าวจอห์น เลนนอนกว่าจะมาเป็นเขาได้นี่สุดๆครับ ช่างหม่นหมอง เริ่มต้นมาเขาก็ดูเหมือนวัยรุ่นทั่วๆไปครับ คึกคักร่าเริงจนกระทั่งลุงที่เขาสนิทมากGeorge(นำแสดงโดยDavid Threlfall) ได้เป็นลมล้มไปต่อหน้าเขาจนในที่สุดก็ตายจากไป และในงานศพลุงนั้นจอนก็ได้เห็นแม่ของเขา Julia(นำแสดงโดยAnne-Marie Duff)เขาก็ได้ตัดสินใจไปหาแม่ผู้ซึ่งแยกจากกันมานาน ในตอนที่เจอแม่นั้น ว้าวว ดูจอนเปลี่ยนไปเป็นคนล่ะคนเลยครับ ซึ่งแม่Juliaเนี้ยแระเป็นผู้ริเริ่มให้จอนได้ฟังเพลง Rock N' Roll ซึ่งก็ทำให้จอนได้เริ่มเล่นดนตรีในสไตล์ Rock N' Roll แถมเป็นนักร้องนำด้วยอีกตะหาก ออ ผู้ หญฺิงอีกคนที่เราจไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ป้าของเขาซึ่งเลี้ยงจอห์นมาตั้งแต่เด็กและซื้อกีต้าร์ตัวแรกให้เขาMimi(นำแสดงโดยKristin Scott Thomas) ถือว่าเป็นอีก1นครับที่สร้างจอห์นขึ้นมาเขาได้เริ่มตั้งวงดนตรีและเริ่มเล่นจนกระทั่งเพื่อนเขาได้แนะนำมือกีต้าร์หน้าละอ่อนให้ได้รู้จัก Paul (นำแสดงโดยThomas Sangster) ทุกๆคนคงรู้แล้วนะครับว่าPaul ที่ว่าเนี้ยคือ Paul ไหนบอกซํกหน่อยสำหรับคนไม่ใช่แฟน The Beatles นะครับ Paul คนนั้นก็คือ Paul McCartney นักร้องนำวง The Beatles นั้นเอง  พอลเนี้ยแระครับได้เป็นคนสอนจอห์นให้เล่นกีต้าร์เป็นแต่ก็เป็นได้ไม่อยากครับเพราะจอห์นมีพื้นฐานการเล่นแบนโจที่แม่เขาได้สอนไว้แต่แรก จากนั้นก็เหมือนเสือติดปีกครับเขาแต่งเพลงและได้ออกเล่นตามคลับต่างๆ เริ่มมีชื่อขึ้นมาบ้าง แต่แล้วจุดพลิกผันก็มาเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อแม่ของเขาJuliaประสบอุบัติเหตุรถชน นั้นแระครับทำให้จอนห์ เลนนอนได้ก้าวข้ามความเป็นเด็กและไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ... ออใครที่ชอบวง The Beatles ต้องชอบหนังเรื่องนี้แน่นอนครับแต่เรื่องนี้ไม่ได้เน้นจุดกำเนิกของวงนะจ้ะอิอิ หนังเรื่องนี้กำกับโดย Sam Taylor-Wood บอกได้2แง่เลยครับสำหรับหนังที่เธอกำกับเรื่องนี้ แง่ที่1 หนังน่าดูเพราะเป็นชีวประวัติของ จอห์น เลนนอน ซึ่งทำให้รู้ชีวิตตื้นลึกหนาบางของเขา แง่ที่2 สำหรับคนที่ไม่ชอบ The Beatles พอดูแล้วก็จะรู้ว่ามันก็แค่หนังดราม่าทั่วๆไปเรื่องนึงเท่านั้นแระ - -" หนังเรื่องนี้เต็ม10ผมให้8นะ ผมว่าตัวละครไม่ค่อยเหมือนจริงไปหน่อย 5555+ แต่ก็เอานะรู้สึกว่าดูเท่ห์ดี

วันอาทิตย์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2554

Redline รถหรือจรวดเนี้ย - -"


   สำหรับ anime เรื่องนี้มันเป็นเรื่องบังเอิญจริงๆครับ ตอนแรกไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเรื่องนี้อยู่ แต่มันบังเอิญก็ตรงไปเดินดูหนังใน shop boomerang ครับแล้วบังเอิญไปเห็นโอ้ววว แค่หน้าปกมันก็กินใจผมอย่างแรงเลยครับเห็นทีเดียวก็จับแผ่นมันขึ้นมาแล้วดูชื่อเลยครับ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ซื้อแผ่นมาสเตอร์เก็บไว้เลยเนื่องจากยังราคาแพงอยู่ แต่ถึงกระนั้นผมก็ได้มีโอกาสดู anime เรื่องนี้แล้วครับแล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ภาพในเรื่องสวยและล่ำมากๆๆๆ anime เรื่องนี้เป็นแบบออกแนวไซไฟอนาคตแต่ดูทรงผมพระเอก(ชื่อJP)ซิคร้าบบพี่น้องทรง legend สไตล์นักเลงญี่ปุ่นเท่ห์บาดใจมากๆ ซึ่งJPเนี้ยก็ได้เสียงพากย์จากพระเอกสุดดังของญี่ปุ่นก็คือ ทาคุยะ คิมูระ อีก โอ้ววลงตัวสุดดด ส่วนนางเอกของเรื่อง(ชื่อsonoshee)พากย์เสียงด้วย ยู อาโออิ โอ้ยอย่างน่ารักทั้งตัวการ์ตูนแล้วก็ตัวคนพากย์เลย 55555+  เมะเรื่อง Redline เนี้ยก็คือการแข่งรถที่อันตรายที่สุดในจักรวาลที่จะจัดขึ้นเพียงครั้งเดียวทุก5ปี ซึ่งพระเอกของเราเริ่มเรื่องมาทำท่าจะชนะๆๆ แต่แล้วก็ บรึ้มเข้าโรงบาลเพราะอะไรไปดูเองนะครับ อิอิ แต่โชคชะตาพระเอกไม่ได้จบแค่นั้นครับเนื่องจากมีคนถอนตัวจากการแข่งขันในสนามต่อไปผลละบุญก็เลยมาตกอยู่กับพระเอก เฮงมากๆก็ทำให้ได้ไปแข่งต่ออีกครับ ซึ่งเรื่องราวหลักๆก็จะอยู่ในสนามเนี้ยแระ สำหรับredlineเนี้ยผมแนะนำเลยครับควรดูอย่างยิ่งครับการกำกับของ takeshi koike เด็ดดวงครับภาพสวยโฮกกก เป็นงานของสตูดิโอ madhouse ซึ่งสตูดิโอเนี้ยปล่อยงานดีดีอย่าง summer wars,mai mai miracle,yona yona penguin แค่นี้ก็การันตีแล้วครับว่าเมะเรื่องredlineเนี้ยจะสุดยอดแค่ไหน สำหรับเมะเรื่องเนี้ยผมให้10เต็ม10เลยครับเหตุผลก็เพราะภาพสวยมากกกงานพากย์ดีไร้ที่ติเลยจริงๆครับเรื่องนี้รับประกันเลยผมต้องซื้อเก็บแน่ๆๆ



วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ยาราไนก้า เกย์+10 อ้วกก


   ต้องบอกไว้ก่อนเลยนะครับว่าผมไม่ใช่คนที่มีรสนิยมชอบกินถั่วและก็ไม่ได้คิดดูถูกบุคคลที่เป็นดั่งในการ์ตูนเรื่องนี้นะครับ แต่ที่อ่านมังงะเรื่องนี่เนี้ย เพราะ ดันมีรุ่นพี่คนนึงเอาคลิป อาเบะๆๆ มาแปะให้ไอเราก็งงเอะอาเบะคือไรรุ่นพี่ที่แสนดีก็ดันอธิบายมาแบบ งงๆ ว่ามันคือ ยาราไนก้า โอ้ววว ให้ตายเหอะมันกระตุ้นต่อมอยากรู้ผมมากๆครับ จนเอาคำนี้ไป search ในกูเกิ้ล มันก็ขึ้นมาครับ นี่คือเวปแรกที่ผมได้กดเข้าไปดู ไร้สาระนุกรม http://th.uncyclopedia.info/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%B2
กดเข้าไปดูมันก็ไม่ค่อยให้ความกระจ่างกับผมเท่าไรจนผมเลื่อนลงมาก็พบกับ clip สิ่งค้างคาทั้งหลายของผมก็ได้รับการแก้ไขอย่างกระจ่าง ลองชมคลิปที่ว่ากันครับ 555+
พอดูคลิปนี่จบผมบ้าคลั่งไปเลยครับ 555+พยายามหา เมะ เรื่องนี้มาเสพ ด้วยความอยากรู้แต่หาเท่าไรก็หาไม่เจอครับ จนปัญญามากๆ แต่ก็ได้มาเจอ ลิ้งค์นึงครับเขาปล่อยเป็น มังงะ มีแบบแปลไทย บางตอนด้วย แต่ตัวมังงะ original ที่สร้างตำนานเป็นภาษาญี่ปุ่นครับ ว่าแล้วก็ลองเอาไปโหลดเพื่อเสพดูนะครับ 55+ >>>  http://www.mediafire.com/?qjhzozl2w2y ไอยาโรไนก้าเนี้ยจริงๆแล้ว มันเป็นประโยคนึงในเรื่อง ซึ่งมันมีความหมายในเรื่อง ชวนให้คิดแปลว่า "จะเอามั้ยจ้ะ"  อันนี้ผมก็อปเขามาอีกทีนะครับ 555 ถือว่าเป็นฉากในตำนานอีกฉากนึง ก็คือจังหวะที่ ชายหนุ่มหน้ามล Masaki Michishita นักเรียนโรงเรียนประจำเเห่งหนึ่ง ระหว่างกำลังจะไปอาบน้ำที่ห้องอาบน้ำสาธารณะ เขาได้พบกับ Takakazu Abe ชายในชุดจั๊มสูทที่กำลังนั่งบนม้านั่ง เมื่อทั้งสองสบตากันนั้นเอง Abe ได้รูดซิปชุดของเขาลง เเละเเนะนำ "น้องชาย" ของเขาให้ Michi ได้รู้จัก (พยายามใช้ประโยคให้ชวนอ้วกเเตกน้อยที่สุดเเล้ว....) พร้อมกับถามว่า "Yaranaika?" หรือเเปลเป็นไทยว่า "จะเอามั้ยจ๊ะ" จากนั้นทั้งสองก็ไปที่ห้องอาบน้ำด้วยกัน เเละดำเนิน "กิจกรรม" อย่างถึงพริกถึงขิง ดูรูปประกอบในเวป mediafire นะครับจะเข้าใจมากขึ้น แอบเอามาให้ดูรูปนึง
อ่านกันให้สนุกนะครับ อ้อ ลืมบอกไปมังงะเรื่องนี้ชื่อเรื่องว่า Kuso Miso Technique เป็นมังงะที่เขียนโดย junichi yamakawa ซึ่งมังงะเรื่องนี้กระแสแรง โฮกกกก ครับ แล้วก็มีมานานแล้วพอสมควรขอบคุณท่านรุ่นพี่จริงๆครับที่ทำให้ผมเจอมังงะเสื่อมแบบนี้ :)