ต้องเล่าก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในสมองเลยในระหว่างที่เดินหาหนังดูในร้านเช่าแล้วเพราะมันไม่รู้จะดูหนังอะไรแล้ว ก็เหลือบไปเห็นหนังเรื่องนี้ The Beaver แล้วก็ฉุกคิดได้ว่าเห้ยเรื่องนี้มีรุ่นน้องคนนึงเคยมาถามว่ามีหนังเรื่องนี้มั้ยนู๋อยากดูมากมีคนแนะนำมาเราก็เออไหนไหนก็ไม่มีไรดูแระเลยเช่าซะเลยพอดูจบแล้วก็ได้แต่ร้องในใจว่า ว้าว ว้าว ว้าว พอไปดูเรทติ้งในเวป imbd กะ rotten tomatoes ปรากฏว่าเรทติ้งออกกลางๆทั้ง2เวปเลย ก็ถือว่าดีนะเพราะมันกลางๆไปทางดี The Beaver เป็นหนังที่เริ่มมาก็เกริ่นถึงตัวเอก Walter (Mel Gibson) ซึ่งเป็นคนเป็นโรคซึมเศร้าวันๆไม่ทำอะไรนอกจากนอนๆ นั่งๆ เหม่อลอยจนงานการล้มเหลว จนเมีย Meredith (Jodie Foster) ต้องไล่เขาออกจากบ้านเพราะไม่อยากให้ลูกๆทั้ง 2คน คนโต Porter (Anton Yelchin) และคนเล็ก Henry (Riley Thomas Stewart) ต้องมาเห็นสภาพ Walter แบบนี้พอ Walter ออกจากบ้านเขาก็เข้ามินิมาร์ทซื้อเหล้าและก็ทิ้งข้าวของทุกอย่างแต่เขาก็เดินกลับมาแล้วก็หยิบตุ๊กตาหุ่นมือบีเว่อร์ขึ้นมาจากถังขยะและไปเช่าห้องเมื่อความสิ้นหวังมันประดาประโคมเข้ามาเขาก็กินเหล้าและจะฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่ก่อนที่เขาจะสลบไปเขาได้หยิบตุ๊กตาหุ่นมือบีเวอร์มาใส่พอเขาฝื้นขึ้นมาเขาก็เลือกให้ตุ๊กตาพูดแทนเขา ซึ่งทุกๆอย่างราบรื่นเขาเข้ากับลูกคนเล็กได้ เมียกลับมายิ้มและกอดเขาอีกครั้ง การงานราบรื่นแต่เขากับยิ่งถลำลึกลงลึกลงเรื่อยๆ (เหตุการณ์เป็นยังไงต่อไปติดตามเอานะจ้ะ) ออ จะลืมเล่าตัวละครตัวโปรดของผมอีกตัวนึงไปไม่ได้เลยนั้นก็คือ Norah (Jennifer Lawrence) ซึ่งตอนดูทีแรกจำหน้าเธอไม่ได้เลยซํกนิดแค่คิดว่าเห้ยน่ารักว่ะแสรดแต่พอดูไปเรื่อยๆเห้ยหน้ามันคุ้นๆแหะจนนึกออกว่า อ๋ออออ sheเล่น Hunger Game นะเองว้าววว ซึ่งตัวละคร Norah นี่ก็เธอเป็นตัวละครที่พลิกชีวิตของ Porter เหมือนกันถือว่ามีความสำคัญต่อเรื่องไม่น้อย ว้าว อยากจะพิมพ์ว่า ว้าวไปเรื่อยๆจริงๆเพราะชอบหนังเรื่องนี้มากกกก เพราะว่าคนกำกับหนังเรื่องนี้ก็คือ Jodie Foster ซึ่งตัวเธอนั้นก็รับบทเป็น Meredith เมียของ Walter นั้นเอง เหยดดดดดด และจากที่ผมไปสืบๆ มานี่ไม่ใช่เรื่องแรกที่เธอกำกับยังมีหนังอีก2เรื่องและซีรี่ย์อีก แต่อีก2เรื่องข้างต้นนี่ผมก็ยังไม่ได้ดูเลยบอกไม่ได้ว่าเป็นยังไง แต่สำหรับเรื่องนี้กระแทกใจเต็มๆ หนังเนื้อเรื่องบอกถึงการต่อสู้กับจิตใจตัวเองและการให้กำลังใจเป็นห่วงเป็นใยสายสัมพันธ์ในครอบครัว อ่าส์นำตาจะไหล ถ้าให้คะแนนนี่เต็ม10ให้10เลย โดนโคตรๆ
วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555
The Beaver ชีวิตที่แสนเศร้า
ต้องเล่าก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในสมองเลยในระหว่างที่เดินหาหนังดูในร้านเช่าแล้วเพราะมันไม่รู้จะดูหนังอะไรแล้ว ก็เหลือบไปเห็นหนังเรื่องนี้ The Beaver แล้วก็ฉุกคิดได้ว่าเห้ยเรื่องนี้มีรุ่นน้องคนนึงเคยมาถามว่ามีหนังเรื่องนี้มั้ยนู๋อยากดูมากมีคนแนะนำมาเราก็เออไหนไหนก็ไม่มีไรดูแระเลยเช่าซะเลยพอดูจบแล้วก็ได้แต่ร้องในใจว่า ว้าว ว้าว ว้าว พอไปดูเรทติ้งในเวป imbd กะ rotten tomatoes ปรากฏว่าเรทติ้งออกกลางๆทั้ง2เวปเลย ก็ถือว่าดีนะเพราะมันกลางๆไปทางดี The Beaver เป็นหนังที่เริ่มมาก็เกริ่นถึงตัวเอก Walter (Mel Gibson) ซึ่งเป็นคนเป็นโรคซึมเศร้าวันๆไม่ทำอะไรนอกจากนอนๆ นั่งๆ เหม่อลอยจนงานการล้มเหลว จนเมีย Meredith (Jodie Foster) ต้องไล่เขาออกจากบ้านเพราะไม่อยากให้ลูกๆทั้ง 2คน คนโต Porter (Anton Yelchin) และคนเล็ก Henry (Riley Thomas Stewart) ต้องมาเห็นสภาพ Walter แบบนี้พอ Walter ออกจากบ้านเขาก็เข้ามินิมาร์ทซื้อเหล้าและก็ทิ้งข้าวของทุกอย่างแต่เขาก็เดินกลับมาแล้วก็หยิบตุ๊กตาหุ่นมือบีเว่อร์ขึ้นมาจากถังขยะและไปเช่าห้องเมื่อความสิ้นหวังมันประดาประโคมเข้ามาเขาก็กินเหล้าและจะฆ่าตัวตายแต่ก็ไม่สำเร็จ แต่ก่อนที่เขาจะสลบไปเขาได้หยิบตุ๊กตาหุ่นมือบีเวอร์มาใส่พอเขาฝื้นขึ้นมาเขาก็เลือกให้ตุ๊กตาพูดแทนเขา ซึ่งทุกๆอย่างราบรื่นเขาเข้ากับลูกคนเล็กได้ เมียกลับมายิ้มและกอดเขาอีกครั้ง การงานราบรื่นแต่เขากับยิ่งถลำลึกลงลึกลงเรื่อยๆ (เหตุการณ์เป็นยังไงต่อไปติดตามเอานะจ้ะ) ออ จะลืมเล่าตัวละครตัวโปรดของผมอีกตัวนึงไปไม่ได้เลยนั้นก็คือ Norah (Jennifer Lawrence) ซึ่งตอนดูทีแรกจำหน้าเธอไม่ได้เลยซํกนิดแค่คิดว่าเห้ยน่ารักว่ะแสรดแต่พอดูไปเรื่อยๆเห้ยหน้ามันคุ้นๆแหะจนนึกออกว่า อ๋ออออ sheเล่น Hunger Game นะเองว้าววว ซึ่งตัวละคร Norah นี่ก็เธอเป็นตัวละครที่พลิกชีวิตของ Porter เหมือนกันถือว่ามีความสำคัญต่อเรื่องไม่น้อย ว้าว อยากจะพิมพ์ว่า ว้าวไปเรื่อยๆจริงๆเพราะชอบหนังเรื่องนี้มากกกก เพราะว่าคนกำกับหนังเรื่องนี้ก็คือ Jodie Foster ซึ่งตัวเธอนั้นก็รับบทเป็น Meredith เมียของ Walter นั้นเอง เหยดดดดดด และจากที่ผมไปสืบๆ มานี่ไม่ใช่เรื่องแรกที่เธอกำกับยังมีหนังอีก2เรื่องและซีรี่ย์อีก แต่อีก2เรื่องข้างต้นนี่ผมก็ยังไม่ได้ดูเลยบอกไม่ได้ว่าเป็นยังไง แต่สำหรับเรื่องนี้กระแทกใจเต็มๆ หนังเนื้อเรื่องบอกถึงการต่อสู้กับจิตใจตัวเองและการให้กำลังใจเป็นห่วงเป็นใยสายสัมพันธ์ในครอบครัว อ่าส์นำตาจะไหล ถ้าให้คะแนนนี่เต็ม10ให้10เลย โดนโคตรๆ
วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
Cashback อดนอนจนได้เมีย !!
เรื่อง Cashback เนี้ยผมเคยเห็นมันมีคนปล่อยในเวปบิททอเร้นต่างๆ มาอย่างนานมากกกก็คือเห็นแต่ก็ไม่ได้ไปสนใจไรมันมากก็แค่เออเนื้อหามันล่อแหลมดีนะ รูปโปสเตอร์เอยยคำเชิญชวนของคนที่ปล่อยให้โหลดเอยไรเอยแล้วก็ลืมมันไปเป็นปีๆ พอมาไม่นานนี่คือหนังใหม่ๆเราก็ดูจนหมดแระก็ไป searchๆ หาปรากฎ บร๊ะเจ้าอีหนังเรื่องนี่มันก็ยังมีคนปล่อยโหลดอยู่ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนปล่อยโหลดอยู่มาอย่างยาวนานขนาดนี่ถ้ามันไม่มีดีในตัวเองนี่มันคงไม่ได้อยู่มานานขนาดนี่แน่ๆอันตัวกระผมก็เลยจัดการส่อยมาดูซะเลยตอนส่อยมาดูเนี้ยก็ใช่ว่าจะดูเลยในทันที มันมีจังหวะเพื่อนผมมันมาบ้านพอดีแล้วว่างก็เลยทำการเปิดหนังดูน้านแระคือจุดเริ่มต้น 555+ (แพ่มซะยาว) คือเปิดตัวเรื่องมาเนี้ยพระเอกมันก็เล่าให้ฟังก่อนเลยว่าตัวมันเลิกกะแฟน ซึ่งพระเอกก็คือ Sean Biggerstaff (รับบทในหนังชื่อ Ben) ซึ่งเนี้ยแระพอเลิกกะแฟนปุ๊ป แฟนพระเอกคือ Michelle Ryan (รับบทเป็น Suzy) ก็เกิดอาการนอนไม่หลับอย่างรุนแรงคือแม่งทำไมถึงต้องใช้คำว่ารุนแรงเพราะแม่งไม่หลับเป็นอาทิตย์ๆๆ *0* อันตัวเบน เนี้ยเป็นนักเรียนศิลปะ และ เป็นโรคนอนไม่หลับหลังจากโรคกะแฟนคนแรกซูซี่ เมื่ออาการนอนไม่หลับเริ่มยาวนานขึ้นเบนก็เริ่มคิดว่าเอะทำไมเราถึงไม่ใช้ประโยชน์ของการนอนไม่หลับโดยไปสมัครงานกะดึกที่ Super Market แห่งนึง ซึ่งเนี้ยแระทำให้วันคืนอันแสนยาวนานผ่านพ้นไปเพื่อให้ลืมและยังสามารถได้สิ่งตอบแทนกลับคืนมาเป็นเงินเรื่องราววุ่นๆจึงเกิดขึ้นเมื่อเขาได้พบกับตัวละครที่มีสีสันอย่างมากมาย โดยครั้งนี้เขาเองมี “ศิลปะ” เป็นเครื่องมือในการรับมือกับความเบื่อหน่ายจากงานกะ 8 ชั่วโมง ซึ่ง “ศิลปะ” ของ เบ็น คือ เขาจินตนาการว่าตนเองสามารถหยุดเวลาได้ และด้วยวิธีการดังกล่าวเขาสามารถชื่นชมกับความงามทางศิลปะและผู้คนที่อาศัยอยู่ในโลกที่เวลาหยุดหมุนโดยการเลือกผู้หญิงที่มีสรีระอันสวยงามเพื่อนำมาถอดเสื้อผ้าแล้วจัดการวาดภาพตามที่เขาถนัดนอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดโดยเฉพาะ ชารอน(Emilia Fox) สาวน้อยที่มีหน้าที่แพ็คของ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งพอผมดูหนังเรื่องนี่จบเนี้ยปรากฎว่า ว้าวววว แอบร้องว้าวในใจหลายฉากมาก เพราะเรื่องนี้มุมกล้องโดนๆเท่ห์ๆเอาง่ายๆมีอยู่ฉากนึงพระเอกมันโทรศัพท์หาแฟนมันซูซี่เพื่อจะขอกลับไปคืนดีแต่ก็โดนปฎิเสธยับเยืนภาพมันก็ค่อยๆเลื่อนฉากทั้งทั้งที่พระเอกแม่งตัวเป็นแท่งๆอยู่ยังงั้นนะเลือนไปจนถึงที่นอนแล้วจากฉากยืนของพระเอกก็กลายเป็นฉากนอนบนเตียงซะงั้น เท่ห์ฟรัดๆ และก็จะบอกว่าผู้หญิงที่ยืนกึ่งเปลือยอยู่บน poster เนี้ยบทเธอโผล่มาแค่นั้นแระ 555+ ทำมาเพื่อโปรโมทโดยแท้ โดยรวมแล้วหนังเรื่องเนี้ย ดูเพลินครับทั้งฉาก service ต่างๆ (นมโผล่เยอะ 555) มุมกล้องเท่ห์ๆ เนื้อเรื่องไหลลื่นบวกความฮาของ 3 ตัวละครที่อยู่ในซุปเปอร์ คือ Jenkins (Stuart Goodwin) เจ้าของซุปเปอร์มาเก็ต และก็2พนักงานในซุปเปอร์แสนกวนทีน 1.Barry Brickman (Michael Dixon) 2.Matt Stephens (Michael Lambourne) ถ้าขาด 2 คนนี่ไปนี่เรื่องราวคงไม่ฮาขนาดเนี้ย ออแล้วเรื่องเนี้ยเคยได้ฉายในเทศกาลหนังนานาชาติกรุงเทพฯ ปี2007 อีกด้วย :)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)